คุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้รถที่มีเด็กเล็กร่วมนั่งไปด้วยอยู่เป็นประจำหรือเปล่า ซึ่งรถที่มีเด็กจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องซื้อ ประกันภัย รถไว้ เพื่อเพิ่มความคุ้มครองส่งต่อไปยังลูกน้อยของคุณ หลาย ๆ ต่อหลายครั้ง ที่ความเคยชินทำให้คุณเผลอพลาดพลั้ง หรืออาจทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตรายของลูกน้อยไปอย่างไม่รู้ตัว วันนี้เราจึงมีสาระความรู้มาช่วยเตือนสติคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ รวมถึงลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย ที่ร่วมเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็ก ที่เปรียบเสมือนหัวใจของคนทั้งบ้าน กับอันตราย 5 ประการที่ผู้ใหญ่อย่าหาทำ หากคุณมีเด็กนั่งมาด้วยในรถ
1. การกล่อมลูกนอนในรถ
ประเด็นแรกที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนมองข้าม และมักเลือกที่จะขับรถพาเจ้าตัวน้อยตะลอน ๆ เพื่อเป็นการกล่อมให้หลับ ไหนจะรถที่โคลงเคลงไปมา คล้ายกำลังถูกกล่อมอยู่ภายในเปล ไหนจะอุณหภูมิที่เย็นฉ่ำ สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายกาย ที่ไม่ง่วงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว จนเมื่อถึงที่หมายเจ้าตัวน้อยยังคงนอนหลับอุตุ ความหวังดีของพ่อแม่ ไม่อยากปลุกจากการนอนหลับสบาย เลยปล่อยให้หลับต่อทั้ง ๆ ที่รถยังจอดติดเครื่องไว้ สิ่งนี้คือสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะขณะจอดพัดลมของเครื่องปรับอากาศจะดูดเอาก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ที่ถูกปล่อยจากท่อไอเสียเข้ามาภายในตัวรถที่ไม่ได้มีอากาศถ่ายเท ไม่มีออกซิเจนเข้ามาให้หายใจ จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ในที่สุด
2. ทิ้งเด็กไว้บนรถตามลำพัง
ความประมาทที่อาจนำพามาซึ่งความสูญเสีย การปล่อยเด็กเล็กไว้บนรถเพียงลำพัง แม้เพียงเสี้ยววินาที อาจเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กติดอยู่บนรถ เผลอกดล็อกรถแต่ไม่สามารถปลดล็อกเองได้ หรือกระโดดโลดเต้นจนเผลอไปเข้าเกียร์ รถเคลื่อนตัวจนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน สิ่งเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักให้มาก อย่าประมาทติดคำว่าเคยชินจนเป็นที่มาของเหตุสลดหรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ตามมา แม้ซื้อ ประกันภัย รถไว้ก็ไม่คุ้มกับความเสียหาย หรืออาจรุนแรงถึงการสูญเสียอยู่ดี
3. ให้เด็กนั่งตักขณะขับขี่
ความรักอยากที่จะใกล้ชิดกับลูกน้อยอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งยามขับขี่ อาจก่อให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ตามมาในภายหลัง เพราะอุปนิสัยของเด็กมักนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่นาน ๆ ไม่ได้ ทำให้คนขับขาดสมาธิ เป็นการลดทอนความสามารถในการขับขี่ลง จนอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันตามมา ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุการที่เด็กนั่งตักบริเวณที่นั่งคนขับนั้น หากไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยอาจทำให้เด็กถูกแรงกระแทกจนกระเด็นผ่านกระจกออกไปนอกรถก็เป็นได้ หรือหากรถของคุณมีถุงลมนิรภัย การชนที่รุนแรงจนถุงลมทำงาน ถุงลมอาจระเบิดหรืออัดใส่ลูกน้อยเต็มแรงจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งที่นั่งที่ถูกที่ควรของเด็ก ควรนั่งในคาร์ซีทที่ติดตั้งไว้ที่เบาะหลังรถเท่านั้น
4. บริเวณที่พักแขนไม่ใช่ที่นั่งสำหรับเด็ก
เด็กน้อยบางคนอยากมีส่วนร่วม และอยากรู้อยากเห็นโลกภายนอกตามประสาเด็ก ๆ ซึ่งการนั่งหน้าในบริเวณที่พักแขน ดูเหมือนจะเป็นเก้าอี้ชั้นดีที่มีตำแหน่งและมุมมองที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยกำลังโต แถมยังได้นั่งขนาบข้างคุณพ่อและคุณแม่ด้านหน้ารถอีก ไม่ต้องเหงานั่งในคาร์ซีทที่เบาะหลังเพียงลำพัง และหากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดกำลังมีความคิดเช่นนี้อยู่ ให้รีบลบออกจากหัวเสียให้หมด เพราะบริเวณที่พักแขนกึ่งกลางรถ คือจุดที่อันตรายที่สุดหากเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นคุณขับไปชนรถคันหน้า หรือรถคันหลังพุ่งเข้ามาชนรถของคุณ อุบัติเหตุที่จะส่งลูกน้อยของคุณออกไปนอกรถได้แบบไม่ทันตั้งตัว
5. ไม่แต่งรถด้วยสิ่งของที่กระทบต่อจิตใจเด็ก
การมีลูกคุณจะทำอะไรตามอำเภอใจแบบเดิมคงไม่ได้ รถส่วนตัวที่จะกลายเป็นไม่ส่วนตัวอีกต่อไป เมื่อมีเจ้าตัวน้อยเข้ามาเติมเต็ม บางท่านอาจนิยมชมชอบการแต่งรถแนวฮาร์ทคอร์ ชอบของตกแต่งที่ดูดิบ ๆ มีความน่ากลัวขนหัวลุกนิด ๆ อาทิ ตุ๊กตาผี งูปลอม ตุ๊กแกยาง หรือหุ่นจำลองรูปคนที่ดูไม่ค่อยจะเหมือนคนสักเท่าไหร่ ของตกแต่งเหล่านี้ อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของลูกได้ สร้างความหวาดผวา ตกใจกลัวจนทำให้ไม่อยากที่จะนั่งรถไปไหนมาไหนด้วย
รถที่มีเด็กยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องซื้อ ประกันภัย รถเพิ่มความคุ้มครองติดรถไว้ เพราะเด็กคือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คุณมีสมาธิในการขับขี่ลดน้อยลง รวมถึงความคุ้มครองที่มียังส่งผลดีหากมีโอกาสได้ใช้จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณและลูกน้อยจะได้รับการดูแลอย่างดีในโรงพยาบาลชั้นนำที่ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถ แต่อย่างไรก็ดี การขับขี่ปลอดภัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายทั้ง 5 ประการ เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก